คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

โปรแกรมงานออกแบบร่าง SK.D 4 A ชั้นปีที่ 4 ชิ้นที่ ..

ให้วันจันทร์ที่ ………….. เวลา 9.00 น. ส่งวันจันทร์ที่ …. …..เวลา 16.30 น.

ชื่อโปรแกรม …ธรรมศาลาของเทวดา.. The House of God

(หรือธรรมศาลาแห่งคุณงามความดี)

 

ธรรม อันทำบุคคลให้เป็นเทวดา(ท้าวสักกะ)

วัตตบท ๗ ประการ

๑. เลี้ยงมารดาบิดา

๒. อ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่

๓. พูดจาไพเราะอ่อนหวาน

๔. ไม่ส่อเสียด

๕. กำจัดความตระหนี่ได้

๖. มีวาจาสัตย์

๗. ข่มความโกรธได้

 

ตำนานเรื่องท้าวสักกะ(มฆวะ)

มฆะมานพ...สถาปนิกเทวดา

เขาเป็นผู้มองเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน ยอมสละทุกอย่างเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น เมื่อใดก็ตามที่เขาทำสถานที่ให้น่ารื่นรมย์ จะมีคนอื่นเห็นชอบแล้วก็จะแย่งดึงเขาออกมาแล้วเข้าไปอยู่แทน เขาก็ยอมให้แต่โดยดี ยอมยกให้ทุกคนที่ต้องการเข้าพักอาศัยเพราะเขาเห็นบุญกุศลที่ได้ทำเช่นนี้ ถึงฤดูหนาวยังได้ก่อไฟให้คนเหล่านั้น ถึงฤดูร้อนก็ยังนำน้ำมาให้อาบอย่างสำราญใจด้วย

มฆะมานพ คิดว่า รมณียสถานและความสุขเป็นที่รักและพอใจของคนทั้งปวง จึงตกลงใจเที่ยวทำสถานที่ดังกล่าวให้เป็นสาธารณสถานของคนทั้งปวง ต่อมามีคนชอบใจในปฏิปทา มาร่วมทำด้วยเขาจึงได้เพื่อนร่วมงานทำทางและสถานที่รื่นรมย์ได้มาก ผู้ใหญ่บ้านมีจิตริษยากล่าวหาว่าเขากระทำสิ่งนี้ไม่ควร ควรไปทำอย่างอื่นที่ตนอาจพลอยได้ประโยชน์ด้วย แต่คณะของมฆะมานพไม่ฟังไม่สน คงทำไปเรื่อยๆ จึงไปฟ้องเจ้านายหูเบาว่าคนพวกนี้(สถาปนิกและคณะ)กระทำและรวมตัวกันเป็นเยี่ยงซ่องโจร จึงถูกโดนจับมาจะให้ช้างกระทืบให้ตาย

ก่อนจะโดนช้างเดินมาเหยียบ ได้ให้โอวาทเพื่อนร่วมงานว่า"นอกจากเมตตาแล้ว ไม่มีที่พึ่งอย่างอื่นเลย ขอให้แผ่เมตตาไปยังเจ้านาย ผู้ใหญ่บ้านและช้างและตนโดยเสมอกัน อย่าโกรธใครๆ"

ด้วยอานุภาพแห่งเมตตา ช้างไม่อาจเข้าใกล้พวกเขาได้ กลับเดินถอยหลังไป เจ้านายคิดว่าช้างคงกลัวคน เลยเอาเสื่อลำแพนมาคลุมไว้ ควาญจะไสช้างเท่าไรก็ยังไม่เป็นผล จนเมื่อได้สอบถามแล้วจึงรู้ว่าพวกเขาโดนใส่ไคร้ว่าเป็นโจร แทนที่จะยกย่องให้เป็นสถาปนิกและนักพัฒนา เจ้านายฟังแล้วเกิดหูเบา(ในทางที่ดี)เลยถึงกลับอุทานขึ้นว่า "แม้แต่สัตว์เดรฉานยังรู้คุณพวกเจ้า เราเป็นมนุษย์เสียอีกที่ไม่รู้คุณพวกท่าน ..จงยกโทษแก่เราเถิด" แล้วจึงราชทานรางวัลตอบแทน(ได้ค่าแบบครบถ้วน) พร้อมส่งพวกเขากลับบ้านไป

วัตถุประสงค์

มฆะมานพและพวกปราโมชที่ได้พบบุญทันตาเห็น เลยยิ่งพัฒนามากยิ่งขึ้น สร้างศาลา เป็นที่พักมหาชนทั่วจตุรทิศ แต่ละศาลาแบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนหนึ่งสำหรับอิสรชนคนหนุ่มสาว ส่วนสองสำหรับคนชราเข็ญใจ ส่วนสามสำหรับคนป่วยหรือพิการ ใกล้ๆศาลามีต้นทองหลางปลูกไว้พร้อมมีเก้าอี้นั่งเล่นใต้โคนไม้ "ปูกระดานทางเข้าศาลาไว้สามแผ่น" แยกประเภทคนใช้งาน ใครนั่งกระดานแผ่นไหนก็จะมีช้างยกเข้าไปเสวยสุขสำราญในศาลาส่วนนั้น

เพราะมฆะมานพมีภรรยาถึงสี่คน คือ นางสุนันทา นางสุจิตรา นางสุธรรมา และนางสุชาดา …(..๕๕๕)

นางสุธรรมา มีส่วนร่วมทำป้ายชื่อศาลา ศาลาจึงได้คำจารึกว่า "ศาลานี้ชื่อสุธรรมา" (นับว่าฉลาดมากในการทำบุญหาชื่อเสียง) ฝ่ายนางสุนันทามีส่วนร่วมในการขุดสระโบกขรณี ชื่อ สระสุนันทา ใช้ประโยชน์เยี่ยง Lavatory rooms นางสุจริตรา มีส่วนในงานภูมิสถาปัตยกรรม คือ สร้างสวนดอกไม้อันงดงาม คนทั้งหลายเรียกกันว่า สวนสุจิตรา ส่วนนางสุชาดา ถืออภิสิทธิ์ เพราะเป็นทั้งหลานและภรรยา จึงไม่ขอทำอะไรวันๆ นอกจากแต่งตัวสวยอย่างเดียว(หรืออาจทำงานตกแต่งทั่วไปกระมัง)

มฆะมานพบำเพ็ญคุณงามความดีอื่นไปด้วยพร้อมวัตตบท ๗ ประการ(ข้างต้น)จนตลอดชีวิต เมื่อสิ้นชีพมนุษย์จึงไปเกิดเป็นเป็นท้าวสักกะเทวราชในภพดาวดึงส์ พร้อมพรรคพวก ๓๒ คน อยู่ณที่นั้นเหมือนกัน พวกฝ่ายช่างเกิดเป็นวิศวกรรมเทพบุตร นางสุจิตรา นางสุธรรมา นางสุนันทา ต่างเกิดเป็นนางอัปสร ช้างเกิดเป็นเทพบุตรชื่อเอราวัณ เว้นเพียงแต่นางสุชาดาเกิดเป็นนางนกยาง(เพราะไม่ช่วยงานศาลา...ornament is a crime..ซวยจริง) แต่ภายหลังท้าวสักกะช่วยให้นางไปเกิดเป็นนางอัปสร(รุ่นสอง)หลังสอนวิธีรักษาศีลให้นางนกยางทำให้จิตใจเกิดเมตตากรุณาเป็นกุศลธรรม

สรุปทั้งหมดได้เสวยทิพยามบัติ มีความสุขในโลกทิพย์ เพราะหมั่นสั่งสมบุญกุศลด้วยความไม่ประมาท ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า....

"อปฺมาเทน มฆวา

เทวานํ เสฎฺฐตํ คโต

อปฺปมาทํ ปสํสนุติ

ปมาโท ครหิโต สทา"

อจ.วศิน อินทสระ (ผู้แปลตำนานท้าวสักกะเทวราชนี้มาจากพระไตรปิฎก) แปลพุทธพจน์นี้ว่า ท้าวมฆะวะเป็นพระนามหนึ่งของท้าวสักกะจอมสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อเป็นมนุษย์(สถาปนิก)ท่านไม่ประมาท ชักชวนพรรคพวกทำบุญสั่งสมกุศลกรรม(สร้างศาลาและพัฒนาสภาพแวดล้อม)อยู่เสมอ ตายแล้วจึงไปเกิดเป็นเทวดา ดีกว่าเทวดาทั้งหลายเพราะความไม่ประมาท

บัณฑิต(ผู้รู้ผู้มีปัญญา)สรรเสริญความไม่ประมาท ตรงข้ามจะติเตียนความประมาท เพราะเป็นต้นเค้าความวิบัติทุกอย่าง หรือความโชคร้ายในมนุษย์ก็ตาม หรือการต้องไปอบายภูมิก็ตาม ล้วนมีความประมาทเป็นมูลทั้งสิ้น

เนื้อหาโปรแกรม

เมื่อนิสิตทั้งหลายอ่านมาถึงตรงนี้ จงละไว้ก่อน แล้วลองจินตนาการตัวเองเป็นสถาปนิกเยี่ยงมฆะมานพ นำความคิดทั้งหมดออกมาให้ปรากฏเป็นงานออกแบบสถาปัตยกรรม "ธรรมศาลาแห่งคุณงามความดี" ให้เป็นเยี่ยงรมณียสถานอันรื่นรมย์แก่คนทั้งปวง โดยมีจุดมุ่งหมายตามตำนานในพระพุทธศาสนา ดังกล่าวมาแล้วข้างต้นให้สมบูรณ์แบบและมีเนื้อหาสาระตามที่บันทึกไว้ให้ครบถ้วนทุกประการ

ขอให้ท่านพึงเป็นบัณฑิตที่ไม่ประมาท รวมปัญญาทั้งหลายที่พึงมี ฝึกฝนวิชาออกแบบร่างสถาปัตยกรรมชิ้นนี้ ให้บรรลุผลแห่งเมตตากรุณาแก่บุคคลทั้งมวลรวมทั้งแก่ตนเองด้วย เพราะ"ความประมาท"จะยังผลให้ตัวท่านแหละ มีทุกข์โชคร้าย..จะเสวย

คะแนน F อย่างแน่นอน จึงไม่ควรประมาท…นะครับ

 

ความต้องการนำเสนอ

  1. แบบทัศนียภาพที่ปรากฏเหมือนจริง ประกอบด้วย รายละเอียดของสถาปัตยกรรม (อาคาร และ ลักษณะภูมิทัศน์ที่เป็นองค์ประกอบแวดล้อมโดยรอบ) มองเห็น ในรูปสื่อของความคิด เช่น ทัศนีภาพภายนอก และทัศนียภาพภายใน จำนวน ๒ ภาพเป็นอย่างน้อย มีความชัดเจน ลงสีสรรสวยงาม ให้ความประทับใจ และสามารถเข้าใจเนื้อหา ของความคิดได้ง่าย
  2. และรายละเอียดต่างที่จำเป็น เช่น แบบแปลนพร้อมบริเวณแวดล้อมโดยรอบ รูปตัด รูปด้านและแบบขยายอื่นๆ มีมาตราส่วนตามความเหมาะสม เพื่อขยายความคิด ความรู้และความเข้าใจของผู้ออกแบบมากขึ้น ในเรื่องของการเลือกใช้วัสดุ กรรมวิธีการก่อสร้าง จินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ ทางวิชาสถาปัตยกรรม และวิชาสาขาวิศวกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
  3. หากจำเป็น เขียนอธิบายแนวความคิดด้วยภาษาเขียน แสดงเหตุผลประกอบจินตนาการ (ที่น่าจะเป็นไปได้) ในการออกแบบ หากเห็นว่าจำเป็น และเพื่อทำให้เกิดความเข้าใจในความคิดของการออกแบบได้ดีขึ้น

การประเมินผล

ความตรงต่อเวลา ความตั้งใจทำงาน และการทุ่มเทความคิดและจินตนาการ เพื่อผลิตงานออกแบบร่างของโปรแกรมนี้ ด้วยทักษะทางความคิดและฝีมือ ที่แสดงถึงความรู้ ความสามารถสูงของนิสิต คือ การออกแบบที่สนองเจตนารมณ์ และความประสงค์ดังกล่าว ได้อย่างน่าประทับใจและพึงพอใจ ไม่เป็นผลงานที่มาจากการลอกเลียนแบบผู้อื่น ทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยเด็ดขาด

การดำเนินการ

  1. ต้องแสดงผลงานออกแบบ ในกระดาษสีขาวขนาด 1 อิมฯ เพียง 1 แผ่นเท่านั้น เสนอความคิดให้ครบถ้วน เข้าใจได้ง่ายและชัดเจน เป็นผลผลิตความคิด และทักษะฝีมือของนิสิตผู้ออกแบบผู้เดียว จัดแบบต่างๆที่แสดงให้ได้สัดส่วนของหน้ากระดาษที่เหมาะสม เป็นที่น่าประทับใจ เชิงกร๊าพฟิคด้วย
  2. เขียนชื่อของนิสิต และหมายเลขส่งงาน (ไม่ใช่เลขหมายประจำตัว) ให้ชัดเจน เพื่อสะดวกในการประเมินผลงานออกแบบ
  3. นำผลงานออกแบบร่างนี้ ส่งตรงที่ห้องส่งงานของภาควิชา ตึกใหม่ชั้น ๓ ก่อนเวลา ๑๖.๓๐ น. (ก่อนเจ้าหน้าที่ปิดห้อง) ในวันจันทร์เดียวกันนี้

ผ.ศ. ยงยุทธ ณ นคร ผู้ออกโปรแกรม

ตัวอย่างผลงานนิสิต
คลิ๊กที่ภาพเพื่อดูภาพขยาย