![]() Humour in Literature |
||
จาก วารสารอักษรศาสตร์
ปีที่ 20 ฉบับที่ 1 มกราคม 2531
ศรีธนญชัยเยอรมัน อำภา โอตระกูล * ในวรรณคดีมุขปาฐะของเยอรมัน นิทานพื้นบ้านประเภท Schwank หรือนิทานมุขตลกนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายชุด แต่ชุดที่น่าสนใจที่สุดสำหรับคนไทยที่จะขอนำมาเล่าในที่นี้คือชุดที่เกี่ยวกับตัวเอกที่ชื่อ ทิล ออยเลนชะปีเกล (Till Eulenspigel) ความน่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องของ ทิล ออยเลนชะปีเกล อยู่ที่ความคล้ายคลึงกันของตัวทิลกับศรีธนญชัยของไทย จากเรื่องราวที่เล่ากันมาแต่สมัยโบราณ แสดงให้เห็นว่าทิลมีบุคลิกและพฤติกรรมที่เหมือนศรีธนญชัยมากจนเรียกได้ว่า ทิล ออยเลนชะปีเกลคือ ศรีธนญชัยของเยอรมัน ทิลเป็นคนเจ้าปัญญา มีไหวพริบฉลาดเฉียบแหลม มีนิสัยชอบล้อเลียน หลอกหรือแกล้งผู้อื่นเช่นศรีธนญชัย เรื่องราวของทิลเป็นที่รู้จักอยู่ในประเทศเยอรมันมานานกว่า 500 ปี แล้ว เล่ากันว่า ทิลเป็นลูกชาวนา มีชีวิตอยู่ในต้นศตวรรษที่ 14 เกิดที่เมืองคไนยลิงเง็น (Kneitlingen) ทางเหนือของประเทศเยอรมันใกล้ๆกับเมืองบราวนชะไวค (Braunschweig) ที่ทราบแน่คือทิลตายเมื่อปี ค.ศ. 1350 ที่เมืองเมิลน์ (M๖lln) ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ อยู่ห่างจากเมืองฮัมบวร์กไปทางตะวันออกประมาณ 50 กิโลเมตร เรื่องราวความตลกคะนองและความเจ้าปัญญาของทิลเป็นที่รู้จักเลื่องลือไปไกลในสมัยนั้นทั้งประเทศเยอรมันและประเทศใกล้เคียง
เพราะทิลเดินทางท่องเที่ยวหางานทำไปเรื่อยๆ จึงปรากฏว่าๆไปมีเรื่องไว้กับผู้คนในเมืองต่างๆ
หลายแห่งหลายเมือง เรื่องมุขตลกต่างๆของทิลได้มีการเล่าต่อๆ รับสืบทอดกันมาอยู่นานกว่า
150 ปี จึงได้มีการรวบรวมเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร หนังสือรวบรวมเรื่องเล่าเกี่ยวกับความเจ้าปัญญาของทิลเล่มแรกพิมพ์ที่เมือง
Strassburg เมื่อปี ค.ศ. 1510 ได้รวบรวมเรื่องเล่าเกี่ยวกับความเจ้าปัญญาของทิลไว้ทั้งหมดกว่า
90 เรื่อง มีภาพประกอบด้วยเกือบทุกเรื่อง ปรากฏว่าเป็นหนังสือที่แพร่หลาย
มีคนนิยมอ่านทั้งเด็กและผู้ใหญ่มาจนถึงปัจจุบันนี้ ในหนังสืออ่านสำหรับเด็กนักเรียนอายุระหว่าง
11-13 ปี ก็จะมีเรื่องมุขตลกของทิล ออยเลนชะปีเกล รวมให้อ่านเช่นกัน หนังสือเรื่องราวของทิล
ออยเลนชะปีเกลมีแปลออกเป็นภาษาต่างประเทศหลายภาษา และมีเล่ากันอยู่หลายสำนวน เรื่องที่ 1 มีเรื่องเล่าว่า ทิล ออยเลนชะปีเกล เป็นคนมีชื่อเสียงมาก ไปที่ไหนก็มีคนรู้จัก ครั้งหนึ่งที่เมืองมักเดอบูร์ก (Magdeburg) ชาวเมืองได้ขอร้องให้ทิลเล่นตลกให้ดู ทิลรู้สึกโกรธมากที่คนมักจะมองเขาเป็นตัวตลก เพราะที่จริงเขาไม่ใช่ตัวตลก ทิลจึงคิดที่จะแก้เผ็ดชาวเมือง เขาจึงพูดว่า "จะให้แสดงหรือ เอาซี เราจะบินให้ดู จะบินจากหลังคาศาลาเทศบาลเมืองลงมาข้างล่างไปคอยดูกันซิ" ปรากฏว่าชาวเมืองต่างพากันไปชุมนุมที่ลานกลางเมืองหน้าเทศบาลกันเต็มแน่น
ทุกคนต่างแหงนหน้าจับจ้องไปที่บนหลังคาอย่างตื่นเต้น ทิลซึ่งยืนอยู่บนหลังคาจัดแจงกางแขนทั้งสองข้าง
ออกขยับขึ้นขยับลงเหมือนนกกระพือปีกอยู่สักครู่ แล้วก็หยุดนิ่งคนดูข้างล่างต่างกลั้นหายใจอย่างตื่นเต้น
ทั่วทั้งบริเวณเงียบกริบ ทันใด ทิล ออยเลนชะปีเกลก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น
พลางตะโกนลงมาว่า "เราคิดว่าเราจะสติไม่ดีคนเดียวเสียอีก แต่ดูสิเมืองทั้งเมืองมีแต่คนสติไม่ดีเต็มไปหมด
ถ้าพวกท่านจะบอกว่าเราบินได้ เราก็คงไม่เชื่อ แต่ท่านทั้งหมดกลับมาเชื่อคำพูดของคนสติไม่ดีคนเดียวที่ว่า
"เราบินได้" พุทโธ่ เรามีปีกเสียเมื่อไหร่ล่ะ เมื่อไม่มีปีกก็บินไม่ได้เป็นเรื่องธรรมดาที่เด็กๆ
ก็รู้" เรื่องที่ 2 ครั้งหนึ่งที่เมืองฮัมบวร์ก
ทิลได้ไปเดินเที่ยวเล่นอยู่ที่ตลาดนัดขายม้า เที่ยวเดินดูอะไรต่ออะไรอยู่ท่ามกลางชาวไร่ชาวนาที่มาชุมนุมกันอยู่
ณ ที่นั้น ขณะนั้นมีช่างตัดผมคนหนึ่งสังเกตเห็นทิลจึงเดินตรงมาถามว่า เขาเป็นลูกมือช่างใช่ไหม
เป็นลูกมือช่างอะไร ทิลตอบว่า "พูดตรงๆ เป็นลูกมือช่างตัดผม" ช่างตัดผมได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจ
เพราะกำลังขาดคนช่วย จึงบอกรับทิลเป็นลูกจ้าง พร้อมกับพูดว่า "ฉันอยู่ที่ตรงตลาดนี้เอง
โน่นไง บ้านที่มีหน้าต่างใหญ่ๆ นั่นแหละ เข้าไปเถิด ประเดี๋ยวฉันจะตามไป"
ทิล ออยเลนชะปีเกล รับคำแล้วเดินตรงไปยังบ้านหลังนั้น จัดแจงกระโดดข้ามหน้าต่างใหญ่ด้านหน้าที่ติดถนนนั้นเข้าไปในบ้าน
เข้าไปโผล่ในห้องส่วนตัวของเจ้าของบ้าน ภรรยาช่างตัดผมกำลังนั่งปั่นด้ายอยู่ในห้องผวาตกใจเมื่อเห็นคนกระโดดเข้ามาทางหน้าต่าง
นางร้องถามว่า "ผีซาตานตนใดพาให้เจ้าเข้ามาทางนี้ จะเดินเข้ามาทางประตูให้ถูกต้องหน่อยมิได้หรือ"
ทิลตอบว่า "คุณนายครับกรุณาอย่าโกรธผมเลย สามีของคุณนายผู้ซึ่งได้รับผมไว้เป็นลูกจ้างเป็นคนสั่งให้ผมเข้ามาทางนี้เองครับ"
ภรรยาช่างตัดผมจึงพูดต่อว่า "คนใช้อะไรกันยังไม่ทันไรเลยเริ่มปัดความผิดให้เจ้านายแล้ว" เรื่องที่ 3 ครั้งหนึ่งที่เมืองโคโลญ
ทิลเข้าไปพักในที่พักคนเดินทางเล็กๆแห่งหนึ่ง พอใกล้จะถึงเวลาอาหารกลางวันตอนเที่ยง
ทิลก็มารอนั่งรับประทานอาหารที่โต๊ะอาหาร ทิลนั่งรออยู่นานแต่อาหารก็ยังไม่เสร็จ
รู้สึกหิวมากนั่งกระสับกระส่ายหน้าตาบอกว่าอารมณ์เสีย เจ้าของร้านสังเกตเห็นจึงพูดว่า เรื่องที่ 4 อีกเรื่องหนึ่งเล่าว่า ทิล
ออยเลนชะปีเกล ชอบหัดเดินไต่เชือก ครั้งหนึ่งขณะที่ทิลกำลังเดินไต่เชือกที่ผูกขึงข้ามคลองอยู่นั้น
ได้มีหญิงคนหนึ่งแกล้งเอามีดตัดเชือกที่ขึงอยู่ขาดจากกันทำให้ทิลตกลงไปในน้ำ
คนแถวนั้นเห็นก็หัวเราะเยาะเป็นที่สนุกขบขัน ทิลโกรธมาก วันรุ่งขึ้นทิลเอาเชือกมาขึงข้ามคลองอีก
แล้วร้องประกาศว่า " ท่านทั้งหลาย เราจะแสดงอะไรให้ดู แต่สำหรับการแสดงนี้
เราจำเป็นต้องใช้รองเท้าข้างหนึ่งของพวกท่าน ขอยืมรองเท้าข้างซ้ายของทุกคนหน่อยเถอะ" ถ้าพิจารณาพฤติกรรมของทิล
ออยเลยชะปีเกล ตามเรื่องที่เล่ากัน จะเห็นว่าพฤติกรรมของทิลบ่อยครั้งมีลักษณะค่อนข้างหยาบ
โหดร้ายและไม่ใคร่ซื่อนัก แต่ผู้ฟังหรือผู้อ่านส่วนใหญ่ก็ชอบ ไม่ถือสา ให้อภัย
ที่เป็นเช่นนี้อธิบายได้ว่า เพราะทิลเป็นลูกชาวนาซึ่งเป็นชนชั้นต่ำที่สุดในสังคมสมัยนั้น
การที่ทิลเป็นคนฉลาด คล่องแคล่ว มีสติปัญญาเฉียบแหลมสามารถแกล้งคนที่มีอำนาจเหนือตนได้
เช่นนายจ้างของตน หรือแกล้งสั่งสอนคนมีความรู้อย่างหมอ หรือพระสงฆ์ หรือแม้แต่เจ้าผู้ครองนครให้ได้รับบทเรียนเจ็บๆ
จึงเท่ากับเป็นการแก้เผ็ดคนชั้นสูงที่มีความรู้มากกว่า ร่ำรวยเงินทองมากกว่าแทนชาวบ้านตัวเล็กๆทั้งหลาย
ชาวบ้านผู้ที่ได้อ่านได้ฟังเรื่องของทิลจึงชอบใจ เพราะบทบาทของทิลแสดงให้เห็นว่าผู้น้อยก็อาจต่อสู้ผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าได้เหมือนกัน
ชาวบ้านผู้ไม่มีความสามารถจะทำเช่นเดียวกันได้จึงรู้สึกพอใจ สะใจ ทั้งนี้เพราะบุคคลที่ถูกกลั่นแกล้ง
เสียดสี ล้อเลียนล้วนเป็นผู้ที่มีฐานันดรศักดิ์สูงกว่าในสังคมดังที่กล่าวมาแล้ว บรรณานุกรม Jahn, B. : Till Eulenspiegel.
Der gr๖฿te Schalk aller zeiten, Eine lustige Versfolge. A. อำภา โอตระกูล อ.บ. (เกียรตินิยม)
จุฬาฯ
|