นิราศกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท
เสด็จไปปราบพม่าเมืองนครศรีธรรมราช
เมื่อปีมะเมีย พ.ศ. ๒๓๒๙

     ๏ ยามสองสั่งเสร็จเข้าไสยาสน์ สำราญราชกมลบนบรรจถรณ์
พร้อมด้วยสาวสุรางค์นางนิกร บ้างขับกลอนกล่อมเสียงสำเนียงนวล
วิเวกแว่วแจ้วเจื้อยเรื่อยรี่ ประสานปี่หนีแบบแล้วแหบหวน
จังหวะรำมะนาตีทีจะชวน ระนาดขบวนฆ้องขานประสานซอ
เสนาะสำเนียงเหมือนนางในบนไกรลาส บำเรอราชเทวฤทธิ์อดิศอร์
ยิ่งทรงฟังวังเวงเพลงพระลอ ระทดท้อนึกในอาลัยวัง
จำเป็นจำไปให้ประจักษ์ เป็นห่วงรักจะไม่มีที่ฝากฝัง
แสนวิตกในอุระเพียงจะพัง สุดหวังสั่งสร้อยสุดามาลย
หวนรำลึกนึกอายจะพรายแพร่ง รหัสแจ้งรู้ฉาวจะร้าวฉาน
สงสารนักลักลายุพาพาล แต่นี้นานมิได้แนบอนงค์นอน
โอ้ว่าชู้คู่เชยเคยสวาท อรุณรุ่งจะบำราศแรมสมร
ระทดจิตคิดอาลับใจอาวรณ์ ระทมถอนหฤทัยเหมือนไฟลาม
เอะหนักรักนี่สิหนักจริงเจียวหนอ อันหนักอื่นเล่าก็พอจะหาบหาม
เคยสมานสารสอบเจ้าตอบตาม คดีความถี่ถ้วนสำนวนใน
ทีนี้จะจำทิ้งทุกสิ่งสวาท จะนิราศร้างมิตรพิสมัย
เสียงดุเหว่าเร้าแสงอโณทัย สกุณไก่ขันเพรียกเร่งเรียกคน
หิรัญเรื่อสิ้นแสงบุหลันฉาย ดาวประกายพฤกษ์เด่นนภาหล
ระฆังพระแก้วตีเตือนเหมือนเย้าคน ก็อึงอลแซ่ซ้องเสียงปลุกกัน
ให้หนาวละอองน้ำฟ้าสะท้านอก แสนวิตกเสียวจิตคิดกระสัน
พัสตราที่เคยอุ่นฉวีวรรณ สักร้อยชั้นถึงจะห่มไม่บรรเทา
วิบากแล้วแก้วตายุพาพักตร์ จะจากรักชวดละโบมโฉมเฉลา
เหมือนควักจิตปลิดดวงในทรวงเรา แม้ยลพักตร์จะได้เล่ายุบลแสดง
จะเชิญพระพายเธอไปชวนก็จวนแล้ว จะฝากแก้ววรนุชก็นึกแหนง
จะเชื่อลมกลัวลักชิดคิดระแวง ฉวยพลิกแพลงกลับกลายเสียดายนาง
เจ้าอยู่หลังจงระวังอุบัติเหตุ ยุพเรศจะยินร้ายจงวายหมาง
ที่สิ่งชอบพี่ยาเจ้าอย่าจาง จงตัดทางเรื่องเล่นเหมือนเช่นเคย
ถึงตัวไปใจพี่ยังผูกรัก ไม่นานนักสักหน่อยนะน้องเอ๋ย
ยังกริ่งเป็นเหมือนเช่นว่าชะล่าเลย ด้วยเห็นใจอยู่ว่าเปรยสุหร่ายเชือน
แต่ครั้งนัดว่าจะไปประพาสทุ่ง พอย่ำรุ่งให้มารับแล้วกลับเลื่อน
ถึงนัดใหม่เราใช้ให้ไปเตือน ก็ซ้ำเบือนบากทีมีธุระ
นัดไว้แล้วไม่ไปให้เหมือนนัด เฝ้าขืนขัดเคืองคำทำเขะขะ
ฤๅชอบชู้คู่อื่นที่ไหนคะ เชื่อง่ายเสียดายนะย่อมจะเป็น
จะเปรียบรักก็ใช่ภัคินีน้อง จะควรเคืองฤๅมาข้องระคางเข็ญ
ฤๅว่าคราวจะดึงจึงหมางเร้น เออก็เห็นอยู่ว่าจวบจะจำจร
อรุณรุ่งก็นึกลายุพาพักตร์ บำบวงหมู่สุรารักษ์ฝากสมร
อยู่หลังอย่าให้มีราคีรอน อย่าให้หลงคำวอนละเลิงลม ฯ
     ๏ พอเสนาะระหึงพึงระเวงร้อง โอ้จะร้างห่างห้องสุนงค์สม
เวลาจวนก็จำลุกจากบรรทม ฝืนอารมณ์แย้มเยี่ยมตำหนักแกล
วายุพัดรวยรสบุปผาชาติ ชมนาดหอมกระไรจริงเจียวแหล
เคยเปลี่ยนบุหงาที่เจ้าร่ำทำห่อแพร แต่นี้จะแหห่างเหือดบำเรอรวย
จึงหลั่งสังข์แผ้วมุขสุชลคร่ำ แล้วสรงน้ำทิพมนต์หายระหวย
ชีพ่อพราหมณ์ถวายชัยอำนวย สงฆ์อวยปริตแซ่คุณาธรรม
ครั้นเสร็จสรงสุคนธ์วิภูษิต ฉลุวิจิตรลายทองจำลองขำ
ฉลองทรงรัดองค์ล้วนพื้นดำ ตามกำลังวันเสาร์สังเกตจร
ธำมรงค์รายรัดพระหัตถ์รอบ มงคลประกอบยอดทับทิมบนเรือนหมอน
เพชรมณฑปเหลี่ยมวิลาศปาดยอดรอน มรกตเหลี่ยมเกสรเท่าผลบัว
โกเมนน้ำหมึกทั้งบุษย์นอก มุกดาเท่าบัวปอกเป็นหมอกทั่ว
เพชรฑูรย์สังวาลกลิ้งอยู่เต็มตัว นิลไม่ชั่วใสโปร่งตลอดซับ
ทั้งเก้าวงล้วนผูกเป็นเรือนยอด สลับเพชรบ่าสอดแกมสลับ
อีกวงหนึ่งธำมรงค์สำหรับทัพ นพเก้าเรืองประดับระยับพราย
แล้วทรงรัดเข็มขัดประจำมั่น เรือนครุฑเพชรกุดั่นกระสันสาย
วะวาบวับแววเวียนวิเชียรราย สอดสายสังวาลนพรัตน์
ขอเกี่ยวสายรองถักทองร่อน ทรงกระบี่ด้ามมังกรคู่หัตถ์
พฤฒามาตย์หมอบเสียดอยู่เยียดยัด เป็นขนัดแน่นนั่งทั้งนอกใน
โหรประจำนาฬิกาคอยทูลฤกษ์ อุทัยเบิกรัศมีแผ้วผ่องใส
โมงสามบาทก็พิฆาตซึ่งฆ้องชัย แจ่มใจกราบเกล้ามนัสการ
ฉลององค์ปฏิมาสัทธรรม์สงฆ์ ชุลีองค์จอมนรินทร์ปิ่นสถาน (๑)
ขอพระเดชปกเกศขจัดพาล แก่งกันดารมหรณพครรไลลา
เสด็จครองถวัลยราชอยู่ภายหลัง ขอจงยังเกียรติยศเพิ่มสุขา
ทั่วประเทศเขตขอบรอบสิมา ชั่วดินฟ้ายิ่งยศภิญโญยืนฯ
     ๏ ให้เชิญพระบรมธาตุเสด็จก่อน ครรไลจรด่วนเด็ดด้วยจำขืน
ไม่ทันไปฤๅจะใคร่นครคืน ทำแสร้งขืนฝืนอารมณ์ข่มฤทัย
ถึงทวารแล้วก็สั่งอารักษ์สถิต ช่วยป้องปิดไภยันให้จงได้
เห็นสภาคไทยทานสำราญใจ อุทิศไว้เป็นนิจประกอบบุญ
ถึงประตูท่าน้ำตำแหน่งฉนวน รื้อรัญจวนชู้ลับกลับหมกมุ่น
แซ่สำเนียงอวยสวัสดิ์เขาการุญ ค่อยนึกอุ่นอิ่มใจโสมนัส
ที่นั่งครุฑทอดท่าเตรียมเสด็จ ดังจะเห็จนภมาศดูอาจอัด
จับพญานาคินทร์บินรวบรัด สองหัตถ์ถือธงพชัยยุทธ
ลงยันต์ลายทองตำรับหลวง เด่นดวงเป็นรูปวายุบุตร
จารงคร่ำใส่ช่องสองข้างครุฑ ฝรั่งคอยเตรียมชุดจะจุดปืน
นายสมอเตรียมสมอประจำกว้าน พนักงานคล่องแคล่วไม่ขัดขืน
สรั่งเตรียมคลี่ใบขยับยืน พลแจวเร่งรื่นประจำแจว
ใส่เสื้ อปัสตูแขนสั้น โหมดคั่นขลิบคู่เป็นสองแถว
หมวกปีกยอดปักพู่ดูวับแวว กางเกงแล้วด้วยแพรส่วยทอ
ยอดเสารายธงริ้วปลิวสะบัด พระพายพัดแลละลิ่วเป็นทิวหนอ
จำรัสแสงแดงล้วนน่าพึงพอ ธงรบปักหว่างสมอเป็นคู่กัน
ที่นั่งท้ายรวบรูดวิสูตรโถง เป็นจรรโลงแผ้วโศกให้เสื่อมกระสัน
สองข้างท้ายลายเครือเจือสุวรรณ วายุผันระยับพู่จุรีราย
พระแสงปืนล้วนถุงหักทองขวาง มีหลายอย่างขุดคร่ำต้นเหลี่ยมหลาย
แฝดสองรางสันคอลาย ทองปรายปลายหอกรายเรียง
ช่องแกลห้องท้ายบานปิด เป็นรูปวิจิตรเยี่ยมพักตร์แทบทักเถียง
ยิ้มละม้ายคล้ายสตรีเป็นทีเมียง ถวิลเวียงฤๅมาเมินให้เร่งตรอง
จึงเสเบือนพิศกราบสะอาดเรียบ ดูระเบียบช่องปืนเป็นแถวถ้อง
รายแคมสองข้างลำประจำซอง กระสุนสองนิ้วกึ่งชาติปากพระ
ระวังหน้าคอยรักษาถือถ่อจ้อง นายท้ายเตือนร้องอยู่เอะอะ
เห็นเรือมากกลัวสมอจะเกาะพะ คอยทอดปะทะท่าฤกษ์อยู่เป็นทิว
ทั้งท้ายหน้าใส่เสื้อแดงแขนเขียว ดูแรงเรียวสวมหมวกเกาจิ๋ว
กางเกงยกทอไหมเป็นลายริ้ว ดังจะลิ่วเย้ายวนให้ชวนทรง
ที่นั่งกราบส่งเสด็จขึ้นเรือใหญ่ สถิตในบัลลังก์ท้ายสูงระหง
ชาวมหาดซึ่งตามเสด็จลง ก็แต่งกายประจงประกวดกัน
ล้วนแต่ใส่เสื้อเข้มขาบแดง เป็นริ้วแย่งขลิบครุยดูคมสัน
เชิญเครื่องตามตำแหน่งที่แบ่งปัน ข้างในกลั่นล้วนสุนงค์ที่ทรงลักษณ์
ทั้งโอรสบุตรีที่เปรมโปรด ปราโมทย์ที่ได้โดยบันเทิงหนัก
จำเนียนองค์งามทรงจำนงพักตร์ สมศักดิ์สมศรีฉวีวร
ทางทอดทัศนาเรือข้าบาท แต่ละลำดูอาจชาญสมร
พร้อมเสร็จที่จะข้ามชโลธร พลากรสวมเสื้อใส่หมวกแดง
ลมลงธงปลิวสีสลับ เหลืองเขียวแดงจับรวีแสง
แสดขาวประจำลำมิให้แคลง จัดแจงเป็นระเบียบตำแหน่งกอง
ข้าหลวงใหญ่โปรดให้โดยเสด็จ ก็พร้อมเสร็จเตรียมทอดเป็นแถวก้อง
เรือตาริ้วสำหรับนำลำคลอง จัดเอาเรือมาดทองที่เดินดี
เรือประตูคู่ชักทั้งขวาซ้าย พวกฝีพายแลวิไลใส่เสื้อส
ที่นั่งครุฑยุดพญาวาสุกรี ประทับที่เทียบท่าพิมานลอย
ที่นั่งรองพายทองกราบสลัก พิศพนักดอกเด่นเหมือนเช่นสอย
ลายกุดั่นดวงดุลประดับพลอย ดูหยดย้อยแวววาวราวกับเพชร
ประทับท้ายพระที่นั่งบัลลังก์ครุฑ สำหรับพระนุชกับนางงามตามเสด็จ
ในท้องมาดชาดทาเอาผ้าเช็ด บโทนท้ายจัดเสร็จสำอางตา ฯ
     ๏ พวกนางในแต่งตัวแต่หัวค่ำ อาบน้ำขัดสีแล้วมิสา
เอาน้ำส้มเข้าชโลมประโคมทา อาบแล้วผลัดผ้าราวสองยาม
ลางคนค้นหาภูษาสี ลางนางที่ไม่มีเที่ยวไถ่ถาม
จะเช่ามิใช่ขอไม่ต่อตาม เพราะรักงามตามง้ออย่าล้อเลย
ลางอนงค์มั่งมีเป็นที่สุด ไม่อุตลุดใช้ข้าวางหน้าเฉย
กุญแจหายบ่าวหาว่าเปรยเปรย เองไปเผยม่านตรองพานทองทับ
ลางนางลนควันเทียนจนเวียนเนตร น่าสังเวชลืมตัวจนลมจับ
ลางนางนอนผึ่งลมกลัวผมยับ มิใคร่หลับกลับลุกมือประคอง
ตีสิบเอ็ดยังไม่เสร็จสำเร็จเรื่อง แม่ขวัญเมืองบุตรีไม่มีสอง (๒)
บรรทมเหนือแท่นที่ประเทืองทอง พระพี่เลี้ยงเคียงประคองทั้งสี่นาง
พอไก่ขันกระชั้นอยู่แจ้วแจ้ว ดุเหว่าแว่วส่งเสียงเมื่อจวนสาง
อรุณเรืองจำรัสฟ้านภาพางค์ ทั้งสี่นางเจ้าก็ปลุกบรรทมเธอ
ขวัญแม่ตื่นบรรทมชนนาเวศ ดวงเนตรของพี่ไม่มีเสมอ
ขวัญแม่อย่าเหงาเฝ้าละเมอ ลืมเผยอให้พี่อุ้มสัมผัสองค์
จงฟื้นองค์ชำระกระแสสินธุ์ ประทุมทิพย์ไหลรินแทบอ่างสรง
พระบุตรีตื่นชม้อยค่อยดำรง เสด็จตรงเข้าห้องสนานใน
แล้วส่งให้ไขท่อประทุมทอง น้ำกุหลาบอาบละอองเย็นใส
รวยรื่นชื่นรสสุมาลัย อรไทสรวลสันต์จำนรรจา
สรงเสร็จทรงเครื่องสำอางอบ ฟุ้งตระหลบหอมหวนอวลนาสา
ผัดพักตร์ผิวผ่องเหมือนทองทา ดังจะเย้ยจันทราเมื่อราตรี
ภูษาทรงจีบประจงเข็มขัดรัด อรเอวอ่อนอัดสำอางศรี
สไบบางริ้วทองปิดของดี สอิ้งมณีทับทรวงดวงจินดา
กรรเจียกจรงามงอนพอสมพักตร์ แลเลิศวิไลลักษณ์ดังเลขา
ประดับด่วนจวนเสด็จยาตรา โขลนจ่าอึกทึกทั้งวังใน
บ้างวิ่งวุ่นขึ้นมาทูลว่าพร้อมเสร็จ เชิญเสด็จเยาวยอดพิสมัย
รีบถวายบังคมลาแล้วคลาไคล เร่งไปจัดแจงตำแหน่งตน
พระพี่เลี้ยงทั้งสี่ขมีขมัน รีบรัดจัดสรรอยู่สับสน
สั่งข้าหลวงให้ไปตามสามสิบคน ล้วนสกนธ์งามดีเหมือนตีพิมพ์
แน่งน้อยช้อยชดหยดย้อย ใส่สายสร้อยแฝงเฟี้ยมเสงี่ยมหงิม
ห่มย่นอย่างดีสีทับทิม ประไพพริ้มยิ้มละไมอยู่ในที
ลางนางรูปสวยรวยรื่น ขัดขมิ้นเป็นพื้นซัดสองสี
ใส่แหวนยันต์ลงยาราชาวดี ไม่พ่วงพีพิศเพ่งก็เคร่งครัด
ลางนางรูปงามทรามสวาท แต่ลำมาดเล่าก็เหมาะดูเหยาะหยัด
สวยสมคมขาวสาวสันทัด ไม่พักผัดพักตร์ผ่องละอองนวล
พร้อมอนงค์เสด็จลงจากปรางค์รัตน์ ก็อึงอัดพรั่งพรูประตูฉนวน
ขึ้นสู่วอช่อฟ้าเพลาจวน เสด็จด่วนลงบัลลังก์ที่นั่งรอง
หลวงแม่เจ้าท้าวนางสำอางอวด ทุกหมู่หมวดเปรมปรีดิ์ไม่มีหมอง
เรือหน้าคอยระวังฟังเสียงกลอง กึกก้องท้องชลาตั้งตาแล ฯ
     ๏ ครั้นได้ฤกษ์ที่จะจรถอนสมอ เขาฉุดช่อกว้านอึงคะนึงแส้
เสียงสำเหนียกเรียกร้องฆ้องกระแต กำหนดแน่พร้อมกันบรรเทาทุกข์
พลแจวกราบแล้วลุกยืนจ้อง ลั่นฆ้องขานโห่น่าสนุก
ฝรั่งจุดปืนนารายณ์ปราบยุค สนั่นเสียงเหมือนจะปลุกให้ลืมครวญ
บรรดาเรือข้าบาทโดยเสด็จ สิ้นเสร็จสามสิบลำถ้วน
สมไพร่หลวงขุนนางนายฝีพายญวน เก็บจำนวนได้บาญชีสี่พันร้อย
โห่ทุกลำครั่นครื้นจุดปืนรับ ถึงโจมจับไพรีไม่มีถอย
ที่นั่งเคลื่อนดังจะเลื่อนพโยมลอย เมฆคล้อยลมว่าวลงพัดส่งท้าย
บันลือเสียงปี่พาทย์ทั้งกลองนำ ล้วนแจวจ้ำลำล่องไม่ขาดสาย
นทีกระฉอกเป็นระลอกแตกกระจาย มัจฉาว่ายลอยกลาดด้วยมัววน
ทั้งสองฟากแซ่ซ้องเสียงสวัสดิ์ ดูแออัดหน้าท่าทุกแห่งหน
เรือขึ้นล่องมิได้เว้นทุกตัวคน ผู้ดีจนเข็ญใจอำนวยพร ฯ
     ๏ ถึงหน้าตำหนักแพท่าฉนวน รื้อรัญจวนหวนโศกฤทัยถอน
น้อมเศียรศิโรโรตม์ชุลีกร ปิ้มจะรอนชีพล่วงทำลายทรวง
ยิ่งยลทิพมนเทียรยอดปราสาท จำรัสมาศฉลุแก้ววิเชียรช่วง
พิศดูบันลายกุดั่นเป็นดอกดวง จำหลักร่วงก้านกอดดูยอดเปลา
ทั้งเช้าเย็นเคยทูลละอองบาท จะจำขาดคิดคิดก็ยิ่งเศร้า
เทพดาและจะเห็นน้ำใจเรา อาพระเดชปกเกล้าอยู่เป็นนิจ
โดยแต่เรือที่นั่งครุฑที่ทำใหม่ ยังมิได้ทรงเผด็จเสร็จสถิต
ก็เพราะทรงพระเมตตามิได้คิด จึงประสิทธิประทานให้ไว้เกียรติยศ
จะให้ระบือลือทั่วทั้งปักษ์ใต้ พระคุณล้ำแดนไตรไม่เทียมหมด
ชุลีลาหวั่นว้าฤทัยระทด นาวาเคลื่อนเลื่อนจรดถึงท้ายเมือง
สองฟากฝั่งกระแสแพจอดเรียบ เป็นระเบียบแม่ค้าขนัดเนื่อง
จะเลือกพิศพอให้จิตสร่างประเทือง มิรู้กลับรื้อเรืองถวิลกลอน
เออกระไรหญิงไร้เหล่านี้หนอ หาลออช่างไม่เทียบละอองสมร
ยลไหนเคืองนัยนายิ่งอาวรณ์ เหมือนร้อยแสงศิลป์ศรระดมยิง
ไม่ไกลใกล้กับเวียงแต่เพียงนี้ ควรฤๅที่เสื่อมงามทรามทุกสิ่ง
อย่าเมินนักเลยมักชักชวนประวิง ก็เอนอิงพิงก่ายลลาฏครวญ ฯ
     ๏ ลับคุ้งเหลียวดูปราการรัตน์ บังขนัดแมกไม้เชิงเลนสวน
พิศต้นผลผการวยรัญจวน น่าใคร่ชวนชูชื่นมาสอยทรง
เห็นลำเจียกดอกดาษตามแนวฝั่ง ถวิลหวังลำเจียกน้องต้องประสงค์
จึงจารึกซึ่งลิขิตลายหัตถ์ลง ผู้สื่อซ่อนรับไปส่งเป็นกลอนยาว
เห็นระกำรื้อจำระกำแค้น เจ้าตอบแทนครั้งปะหนันนั้นเจียนฉาว
จะซ่อนชู้จนเขารู้ปิ้มเป็นคาว เชื่อเด็กสาวจึงได้แซ่กระแสความ
แม้นใช้คนสองขนคงชนชนะ ถึงใครปะไหนจะเปิดให้เชิดสนาม
เพราะดับดีจึงมิได้ลุกลาม เราทั้งสามจึงได้เสื่อมบรรเทาทุกข์
ยิ่งคะนึงความหลังครั้งเราโศก แสนวิโยคมีแต่เข็ญไม่เป็นสุข
น้ำขึ้นเขาเร้าแจวเร่งรุก ดูรื่นเริงบันเทิงสนุกทุกตัวคน
แต่ฝ่ายพี่นี้ผู้เดียวดูเปลี่ยวนัก เพราะเคี่ยวรักมาค้างอยู่กลางหน
จะตัดธุระก็ไม่เสื่อมสิ้นกังวล คิดจะกลับแต่ต้องจนจะจำจร
จึงเสเบือนเชือนพิศในริมฝั่ง ดูสะพรั่งสวนสลาสูงสลอน
ล้วนทรงผลต้นโอนจนโคนชอน ทั้งดิบอ่อนสงแน่นแขวนคอยัด
เขานิยมอยู่ว่าหมากแถบบางล่าง สลาอย่างนี้ฤๅเรียกสลาจัด
เจ้าเคยผ่าหน้าเปรียบเทียบทัด แกล้งกลั่นคัดมาให้อยู่เป็นนิจ
โอ้แต่นี้ที่สิ่งเคยแค่นเคี้ยว ถึงปากเปรี้ยวผากผงก็จนจิต
เพาะจำไร้ไกลสวาทบำราศมิตร สุดที่ใครจะประดิษฐ์บรรจงทำ
พอเพลาตะวันเที่ยงเต็มแสบท้อง สัญญาฆ้องสั่งให้ตีกำหนดย่ำ
ก็ทิ้งสมอรอแจวสิ้นทุกลำ จะจอดอยู่ท่าน้ำเพลาลง
ตรงตำแหน่งอาวาสที่สร้างไว้(๓) เพราะตั้งใจว่าจะลาบรรดาสงฆ์
กฐินทานก็เฉพาะไว้เจาะจง แล้วคิดพาแสนสุนงค์ประพาสคลอง
พอชาวมหาดเขาตั้งกระยาถวาย ถวิลหวังดังจะวายทำลายหมอง
เพลาเคยฤๅมาเพี้ยนผิดทำนอง เคยเพี้ยมพร้องพร้อมไม่ขาดเลย
คะนึงพักตร์พิศพักตร์ไม่เห็นพักตร์ เจ็บยิ่งจริงเจ็บรักนะอกเอ๋ย
เพลากินก็กินแค่นไปตามเคย กำสรดเสวยแค้นกลั้วแต่วาริน ฯ
     ๏ เสพย์โภชนาแล้วพาคณาเรศ ลงประเวศที่นั่งกราบไปกฐิน
อันตั้งใจใช่มุ่งสมบัติอินทร์ จิตถวิลศิวโมกขดับกันดาร
พอนาวาประทับท่าฉนวนวัด รีบรัดจัดพลเหมือนสระสนาน
อัญเชิญองค์กฐินที่รองพาน คณาเชิญบริขารขนานไป
พนักงานเชิญพระแสงแต่งองค์ งามอนงค์เหมือนดาราจำรัสไข
แวดล้อมดวงบุหลันที่ครรไล บ้างแข่งเคียงเรียงไหล่ไม่ละลด
บรรดานางลงเรือสิเชื่อทรง จึงทะนงล้วนเก่งด้วยกันหมด
ที่ชายทรามมันคอยรอทรยศ พอถึงที่อุโบสถน้อมเบญจางค์
ฉลององค์ปฏิมากับทั้งสงฆ์ บุษบงมาเลศต่างต่าง
ธูปเทียนอามิสไตรยางค์ ถวายด้วยอุตมางค์จะลาจร
แล้วถวายกฐินทานอุทิศสงฆ์ ตั้งสัจจาด้วยจำนงสโมสร
ว่าครั้งนี้จะโดยทางชโลธร ขอกุศลช่วยรอนภยันตราย
จิตจำนงจะประสงค์ไปคราวนี้ เป็นการกตเวทีนี่หนึ่งหมาย
กับอนึ่งเขาก็นับว่าเป็นชาย ถึงจะวายก็ไม่ละซึ่งความเพียร
ด้วยนึกไว้ว่าจะไหว้เจดีย์ฐาน อันบุราณท่านวิจิตรสถิตเสถียร
จะได้ถวายปะฏากประทุมเทียน เฉลิมกลางแว่นเวียนสักสามวัน
จะมีงานมหรสพสมโภช หุ่นโขนอุโฆษให้ครื้นครั่น
ราตรีจะให้มีหนังประชัน ระทาขันพุ่มพ้อมเพลิงพะเนียง
เดชะสัตย์ขอให้เสร็จมโนนึก จะแล่นลึกลมร้ายจงหลีกเลี่ยง
ทั้งคลื่นใหญ่ปลาร้ายอย่าใกล้เคียง ให้พลันชื่นคืนเวียงโดยสัจจา
สงฆ์สมมติสวดครองกฐินแล้ว ก็ผ่องแผ้วศรัทธาหรรษา
พระสงฆ์สวดอวยชัยให้วัฒนา ชุลีลาจากสงฆ์แล้วลงเรือ ฯ

(๑) ความตรงนี้บ่งว่า พระบาทสมเด็จฯ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เสด็จขึ้นไปส่งที่พระราชวังบวรฯ
กลับไปที่เดิม

(๒) คือเจ้าฟ้าพิกุลทอง
กลับไปที่เดิม

(๓) คือวัดปทุมคงคา
กลับไปที่เดิม