ในอดีต เมื่อมีผู้กล่าวถึงชนิดของคอมพิวเตอร์ เรามักพบคำว่า Mainframe และ Microcomputer
คอมพิวเตอร์สมัยแรกๆมีขนาดใหญ่มาก เช่น ENIAC ที่เราเห็นในรูปประกอบไปด้วยตู้จำนวนมาก
ตู้เหล่านี้เก็บส่วนต่างๆของคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวกัน คำว่า "frame" หมายถึงตู้เช่นนี้ ตู้ที่ใช้เก็บ
วงจรที่ใช้ในการคำนวณซึ่งเป็นตู้หลัก เดิมเรียกกันว่า mainframe ในภายหลังคำว่า mainframe
ใช้กันในความหมายรวม ๆ ว่าคือคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ต่อมาคอมพิวเตอร์แบบ mainframe มีขนาด
เมื่อคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลง และในบางโอกาส ไม่จำเป็นต้องใช้ในบริษัทขนาดใหญ่ อาจจะใช้ใน
คอมพิวเตอร์ทั้ง ๓ ประเภท มีโครงสร้างและอุปกรณ์ประเภทเดียวกัน ต่างกันที่สมรรถนะเท่านั้น
เมื่ออุปกรณ์ต่างๆของคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะส่วนที่ใช้คำนวณ เล็กลงเรื่อยๆ คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กคือ microcomputer ก็สามารถมีสมรรถนะใกล้เคียงกับคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ในสมัยก่อนได้
คอมพิวเตอร์ที่มีสมรรถนะสูงไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่อีกต่อไป ความแตกต่างระหว่างขนาดของ
คอมพิวเตอร์ทั้ง ๓ ประเภทก็เริ่มน้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระหว่าง minicomputer และ
microcomputer ในปัจจุบันเราจึงมักไม่ได้ยินคำว่า minicomputer เพราะงานที่เคยใช้
ในปัจจุบันแม้แต่คำว่าmicrocomputerก็แทบไม่มีใครใช้กันแล้ว คำที่นิยมใช้กันก็คือ personal computer (ใครเป็นผู้ริเริ่มใช้คำนี้โปรดอ่านในตอนต่อไป) ที่ใช้คำนี้ก็เพราะในอดีตคอมพิวเตอร์เป็น mainframe และผู้ใช้คอมพิวเตอร์ต้องใช้คอมพิวเตอร์นี้เครื่องเดียวร่วมกันโดยผ่าน terminal เมื่อมี microcomputer ซึ่งเล็กพอที่จะให้แต่ละคนนำไปใช้โดยส่วนตัวได้ จึงเรียก microcomputer ว่า personal computer หรือเรียกย่อว่า PC ต่อมาเมื่อมีคอมพิวเตอร์กระเป๋าหิ้ว จึงมีการแบ่งประเภทย่อยลงไปอีก เรียกคอมพิวเตอร์ที่ตั้งโต๊ะไม่ย้ายไปไหนว่า Desktop PC และเรียกคอมพิวเตอร์กระเป๋าหิ้วว่า Laptop หรือ Notebook ที่เรียกว่า Laptop ก็เพราะเล็กจนเวลาใช้สามารถวางบนตักได้ ที่เรียกว่า Notebook ก็เพราะเล็กเท่ากับสมุด
นอกจากนั้นแล้วในปัจจุบันเราจะได้ยินคำว่า Thin client บ่อยขึ้น คำว่า client มีความหมายสองอย่างเช่นเดียวกัน อย่างแรกหมายถึงโปรแกรมที่ขอรับบริการจาก server เช่น Internet Explorer และ Firefox เป็นโปรแกรมที่เรียกกันว่า web client กล่าวคือทำหน้าที่ติดต่อกับเครื่อง server เพื่อขอให้ server ส่ง web page มาให้อ่าน ในตัวเครื่อง server จะมีโปรแกรมที่เรียกว่า web server สถิตอยู่ ทำหน้าที่ให้บริการเมื่อโปรแกรม web client ติดต่อมา ความหมายที่สองของ client ก็คือคอมพิวเตอร์ที่มีโปรแกรมประเภท client บรรจุอยู่ เมื่อเราอ่าน web pages คอมพิวเตอร์ของเราทำหน้าที่เป็น client คอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า thin client เป็น PC ที่ไม่มีฮาร์ดดิสก์ ทำหน้าที่อย่างเดียวคือเป็น terminal ของเครื่อง server ต่างจาก terminal สมัยก่อนตรงที่มี flash memery (แบบเดียวกับที่อยู่ใน thumb drive) ซึ่งมีระบบปฏิบัติการขนาดเล็กฝังอยู่และบรรจุโปรแกรมประเภท client เท่าที่จำเป็นจะติดต่อกับเครื่อง server เหตุผลหลักของการมีเครื่องเช่นนี้ก็คือความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์โดยรวม ในเมื่อ thin client ทำงานโดยพึ่ง server เพียงอย่างเดียวและไม่มีฮาร์ดดิสก์ให้ผู้ใช้นำโปรแกรมอื่นมาลงเพื่อทำงานอย่างอิสระได้ โอกาสที่จะเป็นพาหะของโปรแกรมผู้ร้ายที่จะเข้ารังควาญระบบก็ไม่มี อีกประการหนึ่งลักษณะเช่นนี้ของ thin client ทำให้ตัวเครื่องมีขนาดเล็ก กินไฟน้อยและราคาถูก เหมาะที่จะใช้ในองค์กรหรือบริษัทที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายและต้องการให้ระบบข้อมูลของตนปลอดภัย